ความสุกของเนื้อแต่ละระดับ ให้สัมผัสรสชาติที่แตกต่าง ดังนี้
ผิวนอกแค่พอสุก มีสีน้ำตาลบาง ๆ ด้านในเป็นสีแดงสดถึง 75%
เนื้อสัมผัสนุ่มละลาย ชุ่มฉ่ำมาก และยังคงมีรสชาติของเนื้อดิบเต็ม ๆ
มีน้ำเนื้อไหลออกมาเยอะ และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของเนื้อวัว
เหมาะกับสายเนื้อแท้ ๆ ที่ชอบรสธรรมชาติของเนื้อวัวแบบดิบ ๆ
ผิวนอกเป็นสีน้ำตาล ด้านในเปลี่ยนเป็นสีแดงอมชมพูประมาณ 50-60%
ยังคงความฉ่ำ และได้รสชาติของเนื้อแบบเต็ม ๆ แต่ไม่ดิบเกินไป
สัมผัสเนื้อนุ่ม เด้ง และมีความหวานของเนื้อแบบธรรมชาติ
เป็นระดับที่เชฟและนักกินเนื้อส่วนใหญ่นิยมที่สุด
ผิวนอกเป็นสีน้ำตาลเข้ม ด้านในเป็นสีชมพูประมาณ 30-40%
ยังคงมีความชุ่มฉ่ำ แต่เริ่มแน่นขึ้นจากการสุกที่มากขึ้น
มีน้ำเนื้อออกมาปานกลาง ไม่เยอะเท่า Rare หรือ Medium Rare
เป็นระดับที่สมดุลที่สุด เหมาะสำหรับคนที่อยากให้เนื้อสุกขึ้นมาอีกหน่อยแต่ยังมีความนุ่ม
ผิวนอกเป็นสีน้ำตาลเข้ม เนื้อด้านในเป็นสีชมพูจางมาก
เนื้อแน่นขึ้นอย่างชัดเจน และเริ่มมีความแห้งมากขึ้น
แทบไม่มีน้ำเนื้อไหลออกมาแล้ว
เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเนื้อดิบเลย แต่ยังต้องการให้มีสัมผัสที่ไม่แข็งเกินไป
ผิวนอกสุกเกือบไหม้ ด้านในเป็นสีน้ำตาลทั้งหมด ไม่มีสีชมพูหลงเหลือ
เนื้อแข็งและแห้งที่สุดในทุกระดับ เพราะน้ำเนื้อระเหยออกไปหมด
ไม่ค่อยมีความฉ่ำแล้ว ต้องกินคู่กับซอสเพื่อเพิ่มความนุ่ม
เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเนื้อดิบเลยแม้แต่นิดเดียว
ย่างด้วยไฟแรง เพื่อให้ได้ความหอมของ Maillard Reaction
พักเนื้อหลังย่าง 5 นาที ให้ความฉ่ำกระจายทั่วทั้งชิ้น
ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ เพื่อให้ได้ระดับความสุกที่พอดี