การเรียนรู้และพัฒนาคนแต่ละยุค

คนแต่ละยุค เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ย่อมมีลักษณะการเรียนรู้ที่แตกต่างกันด้วย ระบบการเรียรู้และพัฒนาขององค์การ จึงไม่ควรยึดถือที่รูปแบบเดียว (One Size Doesn’t Fit for All)

Gen Z ชอบ สั้นและกะทัดรัด (Microlearning)

Generation Z เป็นกลุ่มคนที่อายุน้อยที่สุดในที่ทำงาน ที่เกิดมาพร้อมเทคโนโลยีสมัยใหม่ และคุ้นเคยกับการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ในการเรียนรู้ด้วยตัวเองในชีวิตประจำวัน พวกเขาชอบเรียนรู้ผ่านคลิปวิดีโอสั้น ตามความสนใจของตัวเอง

การออกแบบการเรียนรู้สำหรับคนกลุ่มนี้

ควรล้อไปกับธรรมชาติการเรียนรู้ด้วยตัวเองของพวกเขา เช่น การซอยเนื้อหาให้เป็น module เล็ก ๆ และการรวมวิดีโอเข้าไว้ในบทเรียน รวมถึงการเลือกรูปแบบ (platform) การเรียนรู้ที่เข้าถึงง่ายเพียงการกดไม่กี่ครั้ง

สร้างประเด็นที่ตรงกับความสนใจของพวกเขา และต้องดึงความสนใจให้ได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น

คนรุ่นนี้ (และ Gen Y) ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเอง มากกว่าภัคดีต่อองค์การ (loyalty) และมีความคาดหวังให้องค์การจัดหาการฝึกอบรมต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อการเติบโตให้อย่างสม่ำเสมอ

Gen Y ชอบมีเพื่อนเรียน

Generation Y (Millennials) เป็นกลุ่มคนที่เติบโตมากับการพัฒนาของ social media มีพ่อแม่คอยใส่ใจดูแลการเรียนของพวกเขาอย่างใกล้ชิด

คนรุ่นนี้จึงชอบเรียนร่วมกับเพื่อน และชอบที่จะเรียนในรูปแบบที่มีการโต้ตอบและมีความตื่นเต้น เช่น การเรียนผ่านเกม รวมถึงการเรียนรู้ที่มีเพื่อนเป็นคนสอน

การออกแบบการเรียนรู้สำหรับคนกลุ่มนี้

พวกเขาคาดหวัง ให้มีเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมกับการเรียนรู้ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นในลักษณะออนไลน์หรือไม่ คนรุ่นนี้ยังเป็นอีกรุ่นที่ชอบเนื้อหาเข้าถึงง่าย ไม่ต้องใช้สมาธิมากนัก

เนื่องจากคนกลุ่มนี้ กำลังอยู่ในช่วงของการสร้างความมั่นคง สร้างครอบครัว หรืออาจเป็นเสาหลักในครอบครัว ทำให้ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายมาก คนรุ่นนี้จึงใส่ใจกับความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมาก เพื่อให้มีตำแหน่งหน้าที่การงาน และเงินเดือนสูงขึ้น

กล่าวได้ว่า เป้าหมายหลักในการเรียนรู้ของคนรุ่นนี้ คือการเรียนเพื่อทักษะที่ส่งผลดีต่องานของตน นั่นเอง

Gen X ชอบการเรียนแบบฟังบรรยาย (lecture)

Generation X เป็นกลุ่มคนจำนวนมากเป็นอันดับสองในตลาดแรงงาน รองจาก Generation Y ไม่มาก จึงมีโอกาสเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในบางองค์การเช่นกัน

คนรุ่นนี้เติบโตมากับพ่อแม่ที่ต้องออกไปทำงาน (working parents) จึงไม่ชอบความจุกจิกเจ้ากี้เจ้าการ พวกเขาคุ้นชินกับการเรียนรู้ด้วยตัวเอง คนกลุ่มนี้จึงคล้ายกับคน Gen Z ที่มีความต้องการการเรียนรู้และพัฒนาด้วยตัวเอง

การออกแบบการเรียนรู้สำหรับคนกลุ่มนี้

คน Generation X โตมากับห้องเรียนแบบดั้งเดิม (classic) จึงมักชอบการเรียนในรูปแบบฟังบรรยาย (lecture base) ที่มีรูปแบบชัดเจน และเรียนรู้ผ่านการรับข้อมูล มากกว่าการลงมือทำ

เนื่องจาก คนรุ่นนี้ต้องการความมั่นคงในอาชีพ จึงต้องการเรียนในเนื้อหาที่ช่วย upskill และ reskill ที่ทำให้เขาทันกับการเปลี่ยนแปลง หรือการเรียนรู้ที่นำไปใช้ได้จริง คำถามที่มักพบบ่อยในคนรุ่นนี้คือ “เรียนแล้วได้อะไร”

แม้คน Generation X จะไม่ได้เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยี แต่พวกเขาก็กล้าลอง และไม่กลัวที่จะเรียนรู้ เพียงให้เป็นระบบที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนมากนัก คนกลุ่มนี้ก็พร้อมจะฝึกฝนเพื่อให้สามารถใช้งานได้ด้วยตนเอง

Baby Boomers อยากเรียน แต่ไม่ค่อยมีโอกาส

Baby Boomers กลุ่มคนวัยเก๋าช่วงเวลาเกษียณ มักไม่ค่อยมีโอกาสได้ร่วมรับการอบรมความรู้กับองค์การมากนัก อาจได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ บ้างในบางครั้ง

พื้นฐานของคนรุ่นนี้ส่วนใหญ่มีการศึกษาดี เพราะพวกเขาให้ความสำคัญกับวุฒิการศึกษาและประกาศนียบัตร คนรุ่นนี้ชอบเรียนรู้จากคนที่ตัวเองชื่นชม โดยมองว่าเป็นกูรูในด้านนั้น ๆ และต้องการเรียนรู้กับสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นผู้เรียนที่ดีที่องค์การสามารถกำหนดได้ ว่าจะให้พวกเขาเรียนอะไร ที่ไหน เมื่อใด

การออกแบบการเรียนรู้สำหรับคนกลุ่มนี้

ชาว Baby Boomers ชอบเรียนแบบฟังบรรยายและจดบันทึก (lecture base) เช่นเดียวกับ Gen X แต่ชอบเรียนแบบเผชิญหน้า (face-to-face) มากกว่าเรียนแบบออนไลน์

ชาว Baby Boomers ชอบการแข่งขันที่ไม่จริงจังมากนัก และชอบมีโอกาสเข้าร่วมตอบคำถาม เพื่อแสดงความรู้ หรือแชร์ประสบการณ์ที่พวกเขาสั่งสมมานาน

สรุป

การเรียนรู้และพัฒนาการ โดยอ้างอิงจากคนแต่ละยุคนี้ แม้อาจดูเหมือนเป็นการเหมารวม แต่ก็ทำให้เห็นแนวคิด และพฤติกรรมบุคคลโดยสังเขป เพื่อนำมาปรับใช้ในการวางแผนการเรียนรู้ให้ดียิ่งขึ้นได้

เมื่อพนักงานรู้สึกต้องการการมีส่วนร่วมมากขึ้น ย่อมส่งผลดี ทั้งต่อตัวพนักงานและองค์การ แบบ win-win ทั้งสองฝ่าย นั่นเอง

เกี่ยวกับผู้สูงอายุ  และ Generation