ย้อนรอยเทคโนโลยี
1044 (พ.ศ. 1587): เข็มทิศ
การกล่าวถึงเข็มทิศแม่เหล็กครั้งแรก มาจากหนังสือภาษาจีน ที่ตีพิมพ์ในปี 1044 โดยอธิบายว่า ทหารหาทางได้อย่างไรโดยใช้เหล็กแม่เหล็กรูปปลา ที่ลอยอยู่ในชามน้ำ เมื่อท้องฟ้ามีเมฆมากเกินกว่าจะมองเห็นดวงดาว
1250–1300 (พ.ศ. 1793-1843): นาฬิกาจักรกล
นาฬิกาทรายและนาฬิกาน้ำ มีมานานหลายศตวรรษ แต่นาฬิกากลไกเรือนแรก เริ่มปรากฏในยุโรปในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 และถูกนำมาใช้ในมหาวิหาร เพื่อกำหนดเวลาที่จะประกอบพิธีต่างๆ
1455 (พ.ศ. 1998): การพิมพ์
โยฮันเนส กูเทนแบร์ก ได้ทำการพิมพ์พระคัมภีร์ ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกที่พิมพ์ในโลกตะวันตกโดยใช้แบบเคลื่อนที่ได้ แท่นพิมพ์ของกูเทนแบร์ก ถูกนำไปสู่การเผยแพร่ข้อมูลในยุโรป
1765 (พ.ศ. 2308): เครื่องจักรไอน้ำ
James Watt ปรับปรุงเครื่องจักรไอน้ำ Newcomen โดยการเพิ่มคอนเดนเซอร์ ที่เปลี่ยนไอน้ำกลับเป็นน้ำของเหลว คอนเดนเซอร์นี้ แยกออกจากกระบอกสูบที่ขยับลูกสูบ หมายความว่าเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เครื่องจักรไอน้ำกลายเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญที่สุดของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
1804 (พ.ศ. 2347): ทางรถไฟ
Richard Trevithick วิศวกรชาวอังกฤษ ปรับปรุงเครื่องจักรไอน้ำของ James Watt และใช้มันเพื่อการขนส่ง เขาสร้างหัวรถจักรรถไฟแห่งแรกที่โรงงานเหล็กในเวลส์
1807 (พ.ศ. 2350): เรือกลไฟ
Robert Fulton นำเครื่องจักรไอน้ำ (เรือกลไฟ) ไปวางบนน้ำ ซึ่งในที่สุดก็ถูกเรียกว่า Clermont ใช้เวลา 32 ชั่วโมงในแม่น้ำฮัดสัน จากนิวยอร์กซิตี้ไปยังออลบานี
1826-27 (พ.ศ. 2369-70): การถ่ายภาพ
ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1820 Nicéphore Niépce เริ่มสนใจการใช้สารละลายที่ไวต่อแสง เพื่อทำสำเนาภาพพิมพ์หินลงบนแก้ว สังกะสี และสุดท้ายก็ทำแผ่นพิวเตอร์ จากนั้นเขามีความคิดที่จะใช้วิธีแก้ปัญหาของเขา เพื่อทำสำเนาภาพในกล้อง obscura (กล่องที่มีรูเล็กๆ ที่ปลายด้านหนึ่ง เพื่อฉายภาพจากภายนอก) ในปี พ.ศ. 2369 หรือ พ.ศ. 2370 เขาถ่ายภาพลานบ้านของเขา เป็นเวลาแปดชั่วโมง ซึ่งเป็นภาพถ่ายแรกที่ผู้คนรู้จัก
1844 (พ.ศ. 2387): โทรเลข
ซามูเอล มอร์ส นักจิตรกรที่ประสบความสำเร็จ เขาเริ่มสนใจความเป็นไปได้เกี่ยวกับโทรเลขไฟฟ้าในช่วงปี 1830 เขาจดสิทธิบัตรเครื่องต้นแบบในปี พ.ศ. 2380 และ เขาได้ส่งข้อความแรก ผ่านสายโทรเลขทางไกลสายแรก ในปี พ.ศ. 2387 ซึ่งทอดยาวระหว่างวอชิงตัน ดี.ซี. และบัลติมอร์ ด้วยข้อความ: “สิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ”
1876 (พ.ศ. 2419): โทรศัพท์
เมื่อสามารถส่งข้อมูลผ่านสาย ในรูปแบบของจุดและขีดกลางได้ ขั้นต่อไปคือการสื่อสารด้วยเสียงจริง
อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ ส่งโทรศัพท์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2419 โดยเขาขอให้ผู้ช่วยทอม วัตสันมาหาเขาว่า “คุณวัตสัน—มานี่—ฉันอยากเจอคุณ”
1879 (พ.ศ. 2422): ไฟฟ้าแสงสว่าง
หลังจากการทดลองหลายพันครั้ง โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ได้สร้างหลอดไฟที่ทำจากเส้นใยคาร์บอน เพื่อการเผาไหม้เป็นเวลา 13 ชั่วโมงครึ่ง
เอดิสันและทีมงานในห้องปฏิบัติการของเขา กำลังทำงานให้กับบ้านและธุรกิจต่างๆ และในปี พ.ศ. 2425 บริษัท Edison Electric Illuminating Company ได้เปิดดำเนินการแห่งแรก
1885 (พ.ศ. 2428): รถยนต์
เครื่องยนต์สันดาปภายใน ได้รับการปรับปรุงให้เล็กลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คาร์ล เบนซ์ใช้เครื่องยนต์สูบเดียว กับรถยนต์สมัยใหม่คันแรก ซึ่งเป็นรถสามล้อที่เขาขับไปรอบๆ สนามแข่ง อย่างไรก็ตาม รถยนต์คันดังกล่าวไม่ได้จำหน่ายในเชิงพาณิชย์ จนกระทั่งปี 1888 เมื่อเบอร์ธา ภรรยาของเขา ได้ใช้รถยนต์คันนี้ในการเดินทางไปพบแม่ของเธอ เป็นระยะทาง 64 ไมล์
1901 (พ.ศ. 2444): วิทยุ
Guglielmo Marconi ทดลองวิทยุ มาตั้งแต่ปี 1894 และส่งสัญญาณในระยะทางที่ไกลขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 1901 เขาได้ทำให้โลกตื่นเต้น กับการถ่ายทอดรหัสมอร์สตัวอักษร S ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก จากคอร์นวอลล์ไปยังนิวฟันด์แลนด์
1903 (พ.ศ. 2446): เครื่องบิน
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ออร์วิลล์ ไรท์ ทำการบินครั้งแรก ที่ความสูง 120 ฟุต ใกล้กับคิตตีฮอว์ก รัฐนอร์ทแคโรไลนา เขาและวิลเบอร์น้องชายของเขา ทำการบิน 4 เที่ยวในวันนั้น สุดท้ายวิลเบอร์บินได้สูงถึง 852 ฟุต
1927 (พ.ศ. 2470): โทรทัศน์
หลังจากการพัฒนาวิทยุ ได้มีการส่งภาพเป็นลำดับต่อไป โทรทัศน์ยุคแรกใช้ดิสก์เชิงกลในการสแกนภาพ ซึ่งระบบกลไกไม่สามารถสแกนและประกอบภาพหลายๆ ครั้งต่อวินาทีได้ จึงใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในปี 1922 Farnsworth วัย 16 ปี ได้วางแผนสำหรับระบบดังกล่าว จนกระทั่งปี 1927 เขาได้ส่งสัญญาณโทรทัศน์อิเล็กทรอนิกส์แบบเส้นแนวนอนเป็นครั้งแรก
1937 (พ.ศ. 2480): คอมพิวเตอร์
John Atanasoff นักคณิตศาสตร์และนักฟิสิกส์ แห่งรัฐไอโอวา ได้ออกแบบคอมพิวเตอร์ดิจิทัลอิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรก โดยใช้เลขฐานสอง ซึ่งตัวเลขทั้งหมดจะแสดงด้วยตัวเลข 0 และ 1 และข้อมูลถูกเก็บในตัวเก็บประจุ ในปี 1939 เขาและนักเรียนของเขาที่ Clifford Berry ได้สร้าง Atanasoff-Berry Computer (ABC) ขึ้น
1942 (พ.ศ. 2485): พลังงานนิวเคลียร์
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ใต้อัฒจันทร์ฟุตบอลที่มหาวิทยาลัยชิคาโก ทีมนักฟิสิกส์ นำโดยเอ็นริโก แฟร์มี ใช้ยูเรเนียมเพื่อผลิตปฏิกิริยาลูกโซ่ยั่งยืนในตัวเองครั้งแรก ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแมนฮัตตัน เพื่อสร้างระเบิดปรมาณูลูกแรก ที่ใช้ปฏิกิริยานิวเคลียร์
1947 (พ.ศ. 2490): ทรานซิสเตอร์
วันที่ 23 ธันวาคม 2 วิศวกรของ Bell Labs John Bardeen, Walter Brattain และ William Shockley ได้สาธิตการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิก ชื่อ 'ทรานซิสเตอร์' (Transistor) ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นส่วนประกอบทางไฟฟ้าที่สามารถควบคุม ขยาย และสร้างกระแสไฟฟ้าได้
ทรานซิสเตอร์มีขนาดเล็กและใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดสุญญากาศมาก จึงถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กราคาถูก
1957 (พ.ศ. 2500): การบินอวกาศ
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม สหภาพโซเวียตปล่อย 'สปุตนิก 1' ดาวเทียมดวงแรก ซึ่งมีลักษณะทรงกลมโลหะขนาดเล็ก มีน้ำหนัก 83.6 กิโลกรัม (184.3 ปอนด์) ออกสู่อวกาศ ถือเป็นการเริ่มต้นการแข่งขันฉากใหม่ของสงครามเย็น ระหว่างสหภาพโซเวียต และสหรัฐอเมริกา
1974 (พ.ศ. 2517): คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จากหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่คอมพิวเตอร์มีขนาดมหึมา ได้มีการใช้ทรานซิสเตอร์จำนวนมากบนชิปเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้ คอมพิวเตอร์ มีขนาดเล็กลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรกคือ Altair จากนั้นก็ถูกแทนที่ด้วย Apple II, TRS-80 และ Commodore PET ในปี 1977
1974 (พ.ศ. 2517): อินเทอร์เน็ต
Vinton Cerf และ Robert Kahn ผลิต TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol) อธิบายการแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนเล็กๆ ที่เรียกว่าแพ็กเก็ต โดยแพ็กเก็ตเหล่านั้น สามารถส่งไปยังปลายทางที่ถูกต้องได้ TCP/IP จึงกลายเป็นพื้นฐานสำหรับการส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต
2017 (พ.ศ. 2560): ปัญญาประดิษฐ์
AlphaGo โปรแกรมเกมปัญญาประดิษฐ์ โดย Go เป็นเกมที่มีกฎง่ายๆ โดย AlphaGo เอาชนะผู้เล่นที่เก่งอย่าง Lee Sedol 100–0 ด้วยการเรียนรู้ของเครื่อง ทำให้ AlphaGo เล่นเกมได้ดีกว่ามนุษย์ทุกคน
ขอบคุณ
อัตนัย
https://www.britannica.com/story/history-of-technology-timeline
- ขอบคุณ Engineer Record
- ขอบคุณ Engineer Record
การประชุม Solvay Conference 1927
ภาพแสดงการประชุม Solvay Conference ครั้งที่ 5 ในปี 1927 เป็นการรวมตัวของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกในยุคนั้น โดยเฉพาะในสาขาฟิสิกส์ควอนตัม และฟิสิกส์ทฤษฎี เช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, นีลส์ บอร์, มารี กูรี, เออร์วิน ชเรอดิงเงอร์, และแวร์เนอร์ ไฮเซนเบิร์ก เป็นต้น
การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการของฟิสิกส์ควอนตัม โดยเฉพาะการถกเถียงเกี่ยวกับธรรมชาติของควอนตัม ระหว่างไอน์สไตน์ และบอร์
นอกจากนี้ ยังเป็นการรวมตัวของบุคคลที่ได้รับรางวัลโนเบลมากที่สุดในภาพเดียว ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์
การประชุม Solvay Conference นี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในด้านฟิสิกส์ควอนตัม ซึ่งเป็นยุคที่แนวคิดดั้งเดิมของฟิสิกส์แบบนิวตัน เริ่มถูกท้าทายและเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผู้เข้าร่วมประชุมในภาพนี้ ล้วนเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาฟิสิกส์ยุคใหม่ และบางคนเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดที่ปฏิวัติวงการ เช่น:
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein): นำเสนอความเห็นที่คัดค้านการตีความทางควอนตัมแบบโคเปนเฮเกน โดยเชื่อว่าธรรมชาติควรมีความแน่นอนมากกว่าที่ควอนตัมอธิบายไว้
นีลส์ บอร์ (Niels Bohr): หัวหน้าฝ่ายแนวคิดโคเปนเฮเกน ซึ่งอธิบายว่าควอนตัมเป็นเรื่องของความน่าจะเป็นและไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแน่นอน
มารี กูรี (Marie Curie): นักวิทยาศาสตร์หญิงผู้บุกเบิกการศึกษากัมมันตรังสี และเป็นผู้หญิงคนเดียวในภาพ
แวร์เนอร์ ไฮเซนเบิร์ก (Werner Heisenberg): ผู้คิดค้นหลักความไม่แน่นอน (Uncertainty Principle)
หลุยส์ เดอ บรอยล์ (Louis de Broglie): ผู้เสนอแนวคิดเรื่องลักษณะคลื่นของอิเล็กตรอน
ในที่ประชุมมีการถกเถียงอย่างเข้มข้น เช่น การโต้เถียงระหว่างไอน์สไตน์ และบอร์เกี่ยวกับความหมายของกลศาสตร์ควอนตัม โดยไอน์สไตน์กล่าวว่า "พระเจ้าไม่เล่นลูกเต๋า" (God does not play dice) เพื่อวิจารณ์ความไม่แน่นอนในควอนตัม ขณะที่บอร์ตอบกลับว่า "อย่าบอกพระเจ้าว่าจะทำอะไร" (Do not tell God what to do)
ภาพนี้ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านทางวิทยาศาสตร์และปรัชญาในยุคนั้น ซึ่งนำไปสู่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เรายังใช้อยู่ในปัจจุบัน เช่น คอมพิวเตอร์, เลเซอร์, และเทคโนโลยีควอนตัมอื่น ๆ
ขอบคุณ- Krittidet Chanthake
รู้จักน๊อตแบบต่าง ๆ
nut ในความหมายนี้ ภาษาไทยเรียกเพี้ยนเป็น “น็อต” และขยายความหมายไปถึง screw (สกูร) ที่มีลักษณะเป็นแท่งเกลียว เมื่อพูดถึง “น็อต” คนไทยจะนึกถึง screw มากกว่า nut ไปแล้วด้วยซ้ำ
ขอบคุณ- ว่าด้วยเรื่องของภาษา
ใครคิดค้นไขควงปากแฉก
Henry Frank Phillips ชาวอเมริกัน ผู้คิดค้นไขควงปากแฉก (Crosshead / Philips-head) ในปี 2479 (ค.ศ. 1936) เป็นนวัตกรรมง่ายๆ ที่ทำให้การขันสกรูทำได้ง่ายขึ้น เพราะมันจะลงล็อกง่ายกว่าแบบปากแบน
ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า self-centering เวลาขันลงไปในรูลึกๆ สกรูปากแฉกจะลงล็อกได้ง่ายกว่า ขันง่ายกว่า
ก่อนจะมาเป็นสิทธิบัตรชิ้นนี้ Philips ได้แรงบันดาลใจจากไขควงปากแฉกอีกแบบของ John P. Thompson ที่คิดค้นขึ้นมาก่อน แต่ใช้งานยากกว่า เพราะรูลึกและแฉกบางกว่าจึงไม่ค่อยแข็งแรง
ใครเคยซื้อเครื่องจักรรุ่นเก่าๆ หรือรถยนต์โบราณมากจากฝั่งยุโรป จะพบว่าจะมีแต่สกรูปากแบนเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงเครื่องจักรโบราณจากเยอรมัน แผงวงจรระบบไฟฟ้ากำลัง จะเป็นสกรูแบบแบนทั้งสิ้น