พระราชอารมณ์ขันในหลวง รัชกาลที่ 9
"คุณทองแดงเขาเป็น ม.ร.ว. นะ"
ภาพความประทับใจครั้งทรงเล่นกับคุณทองแดง ที่แม้จะไม่ใช่สุนัขที่มีเพ็ดดีกรีราคาแพง เป็นเพียงสุนัขข้างทางที่ประชาชนนำมาถวาย ทรงให้โอกาสเลี้ยงดูสั่งสอนด้วยพระเมตตาคุณ ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงมีรับสั่งด้วยพระอารมณ์ขันถึงคุณทองแดงว่าเป็นพันธุ์มิดโร้ด (หมายถึงสุนัขกลางถนน) และตรัสด้วยว่า "คุณทองแดงเขาเป็น ม.ร.ว. นะ ดังนั้น พวกลูกเขาก็ต้องเป็น ม.ล. ...คำว่า ม.ร.ว. หมายถึง หมารอบวัง เมื่อรับเข้ามาเลี้ยงในวังแล้ว ลูกๆ เขาจึงเป็น ม.ล. หรือ หมาหลวง"
ขอบคุณ : คุณบุตรพุทธ พันธุ์อายุวัฒนะ (หนังสือกาลเวลา จารึกคน)"คนในแบงก์"
เมื่อคราวที่ทูลกระหม่อมฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ประทับที่โรงพยาบาลศิริราช ช่วงเช้าตรู่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พยาบาลที่ถวายงานอยู่จึงไปรับสาย ก็มีเสียงปลายทางพูดมาว่า “ขอสายฟ้าหญิง" พยาบาลที่รับสายจึงถามว่า "ขอประทานโทษค่ะ ใครจะเรียนสายด้วยคะ" ปลายสายตอบกลับมา "บอกเขาว่าคนในแบงก์โทรมา” พยาบาลจึงถามกลับไปว่า “ธนาคารไหนคะ” และคิดในใจว่ายังเช้าอยู่อย่างนี้โทรมาเรื่องอะไร แต่พอ กลับมานั่งทบทวนว่าคนในแบงก์โทรมา ถึงกับตื่นเต้นตกใจขนลุกขนพอง เพราะคนในแบงก์ก็คือ “ในหลวง” นั่นเอง
ขอขอบคุณบทความจาก: หนังสือ “พระราชอารมณ์ขัน”เขียนโดย วิลาศ มณีวัต"ฉันไม่ใช่ผู้หญิง"
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรเกี่ยวกับพระฉวี (ผิวหนัง) มีพระอาการคัน ได้มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนัง แต่ไม่เชี่ยวชาญราชาศัพท์ ก็กราบบังคมทูลว่า “เอ้อ.. ทรง.. อ้า.. ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ” พระเจ้าอยู่หัวทรงพระสรวล ตรัสว่า “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่ จะท้องได้ยังไง” แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่าหมอคงไม่รู้ราชาศัพท์ด้านอวัยวะร่างกายจริง ๆ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า “เอ้า... พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ” เป็นอันว่าหมอก็ได้กราบบังคมทูลซักพระอาการกันเป็นภาษาอังกฤษไป
ขอขอบคุณบทความจาก: หนังสือ “พระราชอารมณ์ขัน”เขียนโดย วิลาศ มณีวัต”กี่กิโล”
เรื่องพระราชอารมณ์ขันนี้ ม.ล.ปิ่น มาลากุล เคยเล่าให้ฟังว่า ที่มหาวิทยาลัยประสานมิตรปีหนึ่ง เมื่อพระราชทานปริญญาบัตรเสร็จแล้ว มีพระราชดำรัสแก่ ม.ล.ปิ่นว่า “วันนี้ฉันได้ให้ปริญญาบัตรไปกี่กิโล” ม.ล.ปิ่นอึกอักจนด้วยเกล้าฯ เพราะมิได้ให้ปลัดกระทรวงหรืออธิบดีชั่งน้ำหนักก่อน เพื่อกราบบังคมทูล
ในปีต่อมา ในโอกาสเช่นเดียวกัน อธิการบดีของมหาวิทยาลัยได้เตรียมพร้อม ชั่งน้ำหนักใบปริญญาบัตรจำนวนทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้วล่วงหน้า ม.ล.ปิ่นจึงกราบทูลเสียงดังว่า “วันนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานปริญญาบัตรไปจำนวนทั้งหมด 230 กิโลกรัม” ในทันทีนั้นก็มีพระราชดำรัสถาม ม.ล.ปิ่นว่า “ฉันจะต้องได้อาหารสักกี่แคลอรี จึงจะพอชดเชยกับแรงงานที่ได้เสียไป”
ขอขอบคุณบทความจาก: หนังสือ “พระราชอารมณ์ขัน”เขียนโดย วิลาศ มณีวัต“ไปไหมเสี่ย”
เมื่อสมัยก่อน เสด็จแปรพระราชฐานไปยังหัวหิน มักจะเสด็จออกไปยังตลาดหัวหินบ่อยครั้ง และบางครั้งโดยลำพังพระองค์เดียว มีครั้งหนึ่งระหว่างจะเสด็จกลับ ซาเล้งที่ตลาดทูลถามว่า “ไปไหมเสี่ย” ปรากฏว่าเสี่ยพระองค์นี้สนพระทัย ก็ตรัสจ้างไปยังวังไกลกังวล โดยที่ซาเล้งคนนั้นไม่รู้ นึกว่าเป็นข้าราชการ แต่พอถึงหน้าวัง ทหารสั่งวันทยาวุธ ซาเล้งจึงรู้ว่า เสี่ยที่มาส่งเป็นใคร
ขอขอบคุณบทความจาก: หนังสือ “พระราชอารมณ์ขัน”เขียนโดย วิลาศ มณีวัต“เรียกมาถ่ายใหม่”
เจ้านายซึ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เล่าให้ฟังว่า ในรุ่นของเจ้านายที่รับปริญญาพร้อมกัน มีอยู่ 1 คนที่รับปริญญามาจากมือพระองค์แล้วทำหลุดมือ เนื่องจากอาการประหม่าอย่างรุนแรง พระองค์ท่านจึงสั่งให้หยุดก่อน แล้วบอกให้บัณฑิตคนนั้นถอยไปเริ่มใหม่ ทรงรับสั่งกับช่างภาพว่า
"ถ่ายใหม่ให้ดี ๆ ด้วย เพราะในวันรับปริญญา ใครๆ ก็อยากถ่ายรูปกับในหลวง"
ขอขอบคุณบทความจาก: หนังสือ “เรื่องเล่าจากในวังและพระราชอารมณ์ขันของในหลวง”เขียนโดย กลุ่มพิทักษ์รักราชันย์“พวกเดียวกัน”
ในการเสด็จออกเยี่ยมราษฎรอำเภอไกลๆ ที่กันดารนั้น บางครั้งกำนันก็อยากกราบบังคมทูลด้วยราชาศัพท์ แต่อันที่จริงนั้นไม่ต้องก็ได้ มิได้ทรงเห็นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทรงถือว่าความจงรักภักดีและความเคารพในหัวใจนั้น สำคัญยิ่งกว่าราชาศัพท์
แต่ถึงกระนั้นกำนันบางคนก็อยากจะกราบบังคมทูลให้ถูกต้องตามแบบแผน อุตส่าห์ไปซ้อมเสียหลายวัน ท่องมาจนจำขึ้นใจ แต่พอเสด็จฯ มาถึงเข้าจริง ๆ ท่านกำนันก็รายงานตัวไปว่า
“ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า ...”
“เราพวกเดียวกันนะ”
ทรงรับสั่งด้วยความเมตตาอย่างพ่อพูดกับลูก
กำนันเห็นว่า ทรงพระกรุณาเช่นนั้น ก็เปลี่ยนใจมากราบบังคมทูลด้วยภาษาธรรมดา
ขอขอบคุณบทความจาก: หนังสือ “พระราชอารมณ์ขัน”เขียนโดย วิลาศ มณีวัต"พระหมด"
ครั้งหนึ่ง ขณะที่ในหลวงทรงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร พระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว แต่มีราษฎรผู้หนึ่งยังไม่ได้รับ จึงกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า "ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์"
ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมดแล้ว"
ขอขอบคุณบทความจาก: หนังสือ “พระราชอารมณ์ขัน”เขียนโดย วิลาศ มณีวัต“เราจับได้แล้ว..อยู่ในนี้”
ครั้งหนึ่งในงานนิทรรศการ “ก้าวไกลไทยทำ” วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2538 “The BOI Fair 1995 commemorates the 50th Anniversary of His Majesty King Bhumibol Adulyadej’s reign” (Board of Investment Fair 1995 BOI) หลังจากที่เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตามศาลาการแสดงต่างๆ ก็มาถึงศาลาโซนี่ (อิเล็กทรอนิกส์)
ภายในศาลาแต่งเป็น “พิภพใต้ทะเล” โดยใช้เทคนิคใหม่ล่าสุด “Magic Vision” น้ำลึก 20,000 league จะมีช่วงให้แลเห็นสัตว์ทะเลว่ายผ่านไปมา ปลาตัวเล็กๆ สีสวยจะว่ายเข้ามาอยู่ตรงหน้า ข้อสำคัญเขาเขียนป้ายไว้ว่า ถ้าใครจับปลาได้ เขาจะให้เครื่องรับโทรทัศน์ พวกเราไขว่คว้าเท่าไหร่ก็จับไม่ได้ เพราะเป็นเพียงแสงเท่านั้น
แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสว่า “เราจับได้แล้ว” พร้อมทั้งทรงยกกล้องถ่ายรูปชูให้ผู้บรรยายดู แล้วรับสั่งต่อ “อยู่ในนี้” ต่อจากนั้นคงไม่ต้องเล่า เพราะเมื่ออัดรูปออกมาก็จะเป็นภาพปลาและจับต้องได้ บริษัทโซนี่จึงต้องน้อมเกล้าฯ ถวายเครื่องรับโทรทัศน์ตามที่ประกาศไว้…
ขอขอบคุณบทความจาก : ผู้จัดการรายวัน“ไม่มีบัตร”
พระองค์โปรดเสด็จพระดำเนินระยะไกลตามชายทะเลจากหน้าวัง และเสด็จฯ กลับมาในตอนเย็นๆ อยู่บ่อยๆ เมื่อเสด็จฯ กลับถึงปรากฏว่าทหารนั้นไม่ให้พระองค์เข้า “ไม่ได้ครับ ไม่มีบัตรผ่าน เข้าไม่ได้” ทหารทูล “ขอโทษที ฉันไม่มีบัตร แต่เอาเป็นว่า ตอนนี้เธอมีธนบัตรไหม” ทรงตอบ ทหารว่า “มีครับ ทำไมหรือ” ก็ตรัสว่า “นั่นแหละบัตรของฉัน”
ขอขอบคุณบทความจาก: หนังสือ “พระราชอารมณ์ขัน”เขียนโดย วิลาศ มณีวัต"ญาติกับฉัน"
ครั้งหนึ่ง พระเจ้าอยู่หัวเสด็จดำเนินทางทะเล ระหว่างทางผ่านเกาะช้าง ทรงถามข้าราชการท้องถิ่นคนหนึ่งว่า "เกาะนั้นชื่ออะไร" ข้าราชการทูลตอบว่า
"เกาะนั้นทรงพระนามว่าเกาะช้าง พ่ะย่ะค่ะ"
พระองค์จึงตรัสว่า "ถ้างั้นก็เป็นญาติกับฉันน่ะสิ"
ขอขอบคุณบทความจาก: หนังสือ “พระราชอารมณ์ขัน”เขียนโดย วิลาศ มณีวัต