- รากและเม็ดบัว มีรสหวานเย็น และมันเล็กน้อย มีสรรพคุณช่วยบำรุงกำลัง ใช้เป็นยาชูกำลัง (ราก เม็ดบัว ดอก)
 - บำรุงร่างกาย แก้กษัย (เม็ดบัว ใบอ่อน กลีบดอก)
- เม็ด บัวมีคุณค่าทางอาหารสูง ช่วยเพิ่มพลังงานและไขมันในร่างกาย จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เพิ่งหายป่วยใหม่ๆ ที่ยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่ หรือใช้เป็นอาหารบำรุงกำลังของหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการแพ้ท้อง มีอาการอ่อนเพลีย หรืออาเจียน (เม็ดบัว) หรือใช้รากต้มเป็นน้ำกระสายดื่ม แก้อาการอ่อนเพลียก็ได้ (ราก) ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย (เม็ดบัว)
- สรรพคุณดอกบัวหลวง ดอกบัวสดสีขาวใช้ต้มกับน้ำดื่มติดต่อกัน มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย ทำให้สดชื่นขึ้น และช่วยลดอาการใจสั่น (ดอก เกสร กลีบดอก)
- บำรุงโลหิต (เม็ดบัว ใบแก่)
- ลดความดันโลหิตสูงและลดไขมันในเส้นเลือด ด้วยการใช้ใบสดหรือแห้งนำมาหั่นเป็นฝอยต้มกับน้ำพอท่วมจนเดือดประมาณ 10-15 นาที ใช้ดื่มครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 ครั้ง โดยให้ดื่มติดต่อกันอย่างน้อย 20 วัน และตรวจสัดความดันเป็นระยะ พร้อมทั้งสังเกตอาการ ได้แก่ อาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ มึนงง ปวดท้ายทอย หากดื่มแล้วความดันโลหิตลดลงก็ต้องหมั่นตรวจวัดความดันอย่างน้อยเดือนละ 2-3 ครั้ง พร้อมทั้งสังเกตอาการดังกล่าวไปด้วย ถ้าหากพบว่ามีอาการผิดปกควรรีบไปพบแพทย์ (ใบ) หรือจะใช้ดีบัวประมาณ 1.5-6 กรัม นำมาต้มเอาน้ำดื่ม ก็มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตได้เช่นกัน อีกทั้งยังมีสรรพคุณช่วยขยายเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ในกรณีที่เส้นเลือดตีบ (ดีบัว)
- บำรุงประสาท และสมอง (เม็ดบัว เกสร)
- ผ่อนคลายความเครียด อาการหงุดหงิดนอนไม่หลับ ช่วยทำให้นอนหลับสบาย ด้วยการใช้ดีบัวประมาณ 1.5-6 กรัม นำมาต้มเอาน้ำดื่ม (ดีบัว)
- รากช่วยเสริมฤทธิ์ยานอนหลับ ทำให้หลับสบาย โดยมีฤทธิ์ไม่แรงมากนัก (ราก)
- เม็ดบัวมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง มีคุณสมบัติช่วยป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งตับ (เม็ดบัว)
- ชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ และผิวพรรณ (เม็ดบัว)
- เกสร นำมาใช้ปรุงเป็นยาหอม เป็นยาชูกำลัง บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ ทำให้ชุ่มชื่นใจ แก้อาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ เป็นยาสงบประสาท และช่วยขับเสมหะ โดยใช้เกสรแห้งนำมาบดเป็นผงครั้งละ 0.5-1ช้อนชา ใช้ชงกับน้ำร้อนดื่ม หากเป็นเกสรสด ให้ใช้ประมาณ 1 หยิบมือ นำมาชงกับร้อน 1 แก้ว (ขนาดประมาณ 240 มิลลิลิตร) ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วนำมาดื่มในขณะที่ยังอุ่นครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3-4 รอบ (เกสรตัวผู้)
- บำรุงหัวใจ (ดอก,เกสรตัวผู้,เม็ดบัว)
- ดีบัวมีสาร Methylcorypalline ซึ่งเป็นตัวช่วยทำให้เส้นเลือดขยาย ใช้เป็นยาขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ แก้เส้นเลือดตีบในหัวใจเนื่องจากมีไขมันไปเกาะที่ผนังหลอดเลือด เพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ และช่วยบำรุงหลอดเลือดหัวใจ โดยใช้ดีบัวแห้ง 1 หยิบมือ นำมาชงกับน้ำร้อน 1 แก้วปกติ แล้วใช้ดื่มในขณะที่ยังอุ่นๆ ก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง หรือจะปั้นเป็นเม็ดขนาด 0.5 กรัม ใช้กินครั้งละ 3-5 เม็ด ก่อนอาหารเช้าและเย็นก็ได้ แถมยังมีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ช่วยแก้ไข้และช่วยบำรุงร่างกายได้อีกด้วย (ดีบัว)
- ควบคุมธาตุในร่างกาย (เกสรตัวผู้)
- เหง้าหรือรากบัวใช้ต้มกับน้ำดื่ม เป็นยาแก้ธาตุไม่ปกติในเด็ก (ราก)
- ลดไข้ (ราก ดีบัว) ช่วยแก้ไข้ (เกสรตัวผู้ ใบแก่ ดอก)
- แก้ไข้รากสาด และไข้มีพิษร้อน (ดอก,เกสร)
- ระงับอาการหวัดคัดจมูก ลดเสมหะ ด้วยการใช้ใบบัวมาหั่นเป็นฝอยแล้วผึ่งแดดให้แห้ง ใช้ทำเป็นมวนสูบเพื่อช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูก (ใบ)
- ใบแก่ใช้สูดกลิ่น ช่วยแก้ริดสีดวงจมูก (ก้านดอก,ใบแก่)
- แก้อาการไอ (ราก)
- แก้เสมหะ (ราก เหง้า เม็ดบัว ดอก เกสรตัวผู้)
- แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน (เกสร เม็ดบัว ราก)
- แก้อาการติดเชื้อในช่องปาก ด้วยการใช้ดีบัวประมาณ 1.5-6 กรัม นำมาต้มเอาน้ำดื่ม (ดีบัว)
- แก้ลม (เกสร)
- แก้อาการอาเจียนเป็นเลือด (ดีบัว)
- แก้อาการเลือดกำเดาไหล (เกสรตัวผู้)
- แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ (ราก,เม็ดบัว) หรือใช้ใบ หั่นเป็นฝอยชงดื่มแทนน้ำชา ก็ช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำได้เช่นกัน (ใบ) หรือใช้ดีบัวต้มน้ำดื่มมีสรรพคุณช่วยแก้กระหายน้ำด้วยเช่นกัน และยังช่วยอาการกระหายหลังอาเจียนเป็นเลือดได้ด้วย (ดีบัว)
- บำรุงปอด (เกสรตัวผู้)
- แก้อาการท้องเสีย (เกสรตัวผู้ ฝัก เปลือกฝัก)
- แก้อาการท้องเดิน (ยางจากก้านใบและก้านดอก เปลือกฝัก)
- กลีบดอกชั้นใน และก้านใบ ใช้เป็นยาแก้อาการท้องร่วง (ใบ กลีบดอกชั้นใน) ส่วนชาวอินเดียจะให้เด็กดื่มน้ำรากบัว เพื่อช่วยระงับอาการท้องร่วง (ราก,สายบัว)
- กลีบดอกชั้นในนำมาตำใช้พอกแก้โรคซิฟิลิส (กลีบดอกชั้นใน)
- เม็ดบัวช่วยรักษาอาการท้องร่วงและบิดเรื้อรัง (เม็ดบัว)
- แก้ลำไส้อักเสบ (เม็ดบัว)
- สมานแผลในมดลูก (เปลือกฝัก)
- ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะบ่อย (ดอก เกสรตัวผู้ ราก)
- แก้อาการตกขาวของสตรี (เกสรตัวผู้)
- แก้อาการประจำเดือนมามากกว่าปกติ (เกสรตัวผู้ เม็ดบัว)
- บำรุงถุงน้ำดี (ดีบัว)
- แก้ดีพิการ (ราก,เม็ดบัว)
- บำรุงตับ (เกสรตัวผู้)
- บำรุงไต ม้าม ตับ (เม็ดบัว)
- ดีบัวมีสรรพคุณช่วยแก้อหิวาตกโรค โดยชงดีบัวในน้ำร้อน แล้วดื่มในขณะที่ยังอุ่นครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 ครั้ง (ดีบัว)
- แก้พุพอง (ราก,เม็ดบัว)
- รากหรือเหง้ามีสรรพคุณช่วยห้ามเลือด ทำให้เลือดหยุด (ราก ดอก กลีบดอก ก้านใบ)
 - สมานแผล (ดอก เกสรตัวผู้ เปลือกฝัก)
- แก้อาการน้ำกามเคลื่อน หรืออาการฝันเปียก (เกสรตัวผู้ เม็ดบัว ดีบัว)
- ดอกบัวหลวง ช่วยแก้อาการผดผื่นคัน (ดอก)
- แก้พิษเห็ดเมา (ฝัก)
- แก้พิษจากการรับประทานเห็ดพิษ และอาการเป็นพิษจากพิษสุราเรื้อรัง ด้วยการใช้ทั้งต้นประมาณ 10-15 กรัม นำมาต้มรับประทาน (ทั้งต้น)
- รักษาอาการปวดบวมและอาการอักเสบได้ ด้วยการนำใบบัวหลวงมาล้างให้สะอาดแล้วโขลกให้ละเอียด จากนั้นสกัดด้วยแอลกอฮอล์ แล้วนำสารสกัดที่ได้มาทาบริเวณที่มีอาการ (ใบ)
- บำรุงไขข้อ เส้นเอ็น แก้โรคข้อต่างๆ (เม็ดบัว)
- แก้อาการช้ำใน (ดอก)
- บำรุงครรภ์ของสตรี (เม็ดบัว ดีบัว ดอกบัว)
- เพิ่มแรงเบ่งขณะคลอดบุตรของสตรี (ใบแก่) ช่วยทำให้คลอดบุตรง่าย (ดอกบัว)
- ขับรกออกมาให้เร็วขึ้น (ฝัก)
greenerald.com |
|